ชาวพุทธ"อิเหนา"ฮือต้าน"บุดดาบาร์"หมิ่นศาสนา ตามปกติแล้วสังคม
"ชาวพุทธ" ในประเทศอินโดนีเซียนั้นดำเนินชีวิตกันเงียบๆ เรียบง่าย
เพราะเป็นคนส่วนน้อย มีประชากรแค่ร้อยละ 1 ขณะที่ชาวมุสลิมมีมากถึงร้อยละ 90 แต่แล้วชาวพุทธก็ต้องออกมาเคลื่อนไหวสร้างข่าวใหญ่ไปทั่วโลกจนหลัง จากลูกคนใหญ่คนโตและนักธุรกิจขาใหญ่ ไปจับมือกับ "จอร์จ ฟิฟธ์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์" กลุ่มทุนธุรกิจสถานบันเทิง-โรงแรมชื่อดังสัญชาติฝรั่งเศส ลงทุนเปิดภัตตาคารกึ่งบาร์สุดหรู "บุดดาบาร์" (บาร์พระพุทธ) ในย่านเมนเต็ง กลางกรุงจาการ์ตา
ทำให้ชาวพุทธบางส่วนไม่พอใจอย่างรุนแรง ก่อม็อบร้อยกว่าคนชุมนุมประท้วงอยู่หน้าร้านตั้งแต่ 5 มีนาคม
เพราะมองว่าจงใจดูหมิ่นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า!
" พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาของศาสนาพุทธ แต่เจ้าของกิจการบาร์กลับนำพระพุทธรูปไปเป็นของตกแต่งในร้าน และที่เลวร้ายที่สุดคือเข้าไปอยู่ในที่ อโคจรแบบนั้น ซึ่งร้านลักษณะนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลยในเมืองไทย มาเลเซีย หรือสิงคโปร์" นายเอโก ยูโกรโฮ แกนนำกลุ่มแนวร่วมนักศึกษาต่อต้านบุดดาบาร์ กล่าว
กลุ่มผู้ประท้วงเชื่อว่า เบื้องหลังที่บุดดาบาร์สามารถขอใบอนุญาตจากทางการจาการ์ตาเปิดบริการขายสุรา ในชาติมุสลิมแห่งนี้ง่ายดาย อีกทั้งกล้านำชื่อพระพุทธเจ้ามาตั้งชื่อร้านโดยไม่กลัวแรงต้าน เพราะมี "แบ๊ก" ดีหนุนหลัง
เช่น ลูกผู้มีอำนาจ รวมถึง นางปวน มหารานี ลูกสาวอดีตประธานาธิบดี เมกาวาตี ซูการ์โนบุตรี!
เมื่อความขัดแย้งปะทุขึ้น นายเอโกกับพวกจัดแจงนำเทปสีเหลืองมาล้อมรอบตัวร้านบุดดาบาร์ สกัดกั้นไม่ให้ลูกค้าเข้าไปใช้บริการ
และ ประกาศไม่เลิกชุมนุมจนกว่าเจ้าของจะเปลี่ยนชื่อ นำพระพุทธรูปออกจากร้าน หรือปิดกิจการไปเลย เพราะทำให้ศาสนาพุทธเสื่อมเสีย ในเมื่อพระธรรมคำสอนไม่สนับสนุนให้คนดื่มเหล้า การมาเปิดร้านแบบนี้ถือเป็นการดูหมิ่น
ด้านตำรวจวางกำลังรักษาความสงบอยู่ใกล้ๆ ไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย แต่ยังไม่มีทีท่าลุกลามรุนแรงไปมากกว่านี้
ล่าสุด เมื่อวันเสาร์ พระอาลิม ซูดิโอ เลขาธิ การสภาบัณฑิตพุทธธรรม กรุงจาการ์ตา ฝากข้อ ความถึงม็อบชาวพุทธ ว่า
การใช้กำลังไปปิดล้อมหวังบีบบังคับไม่ให้ผู้อื่นทำมาค้าขายนั้น ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาด้วยธรรม
"ทางออกดีที่สุด คือ ทุกฝ่ายควรหันหน้าพูดคุยกัน" พระอาลิม เสนอ
นายกาโต ซูการ์โน อาดี รองเลขาธิการสมาคมชาวพุทธแห่งอินโดนีเซีย หรือ "วาลูบี" มองในทางสายกลาง ว่า
กลุ่มผู้ประท้วงเป็นสหายธรรมที่มีจิตใจรักพระศาสนา ไม่อยากให้พระพุทธรูปไปประดิษฐานอยู่ในสถานที่ไม่เหมาะสม
ประเด็นสำคัญตนเห็นว่า ทั้งชาวพุทธและผู้ประกอบการต้องนั่งคุยกันเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งสองฝ่ายต้องไม่คิดเอาชนะคะคานกัน
ขณะนี้ส.ส.สังกัดพรรค "พีดีเอส" เข้ามาเป็นคนกลาง เชิญฝ่ายต่างๆ จับเข่าคุยกันที่สภาผู้แทนราษฎร และน่าจะได้ข้อยุติ
" เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นก็เพราะทางการไม่เคยถามเลยว่าเรารับได้หรือไม่ ไม่คิดมาแจ้งและปรึกษากับชุมชนชาวพุทธให้ดีเสียก่อน ก่อนออกใบอนุญาต" นายกาโต ระบุ
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารบุดดาบาร์โต้ว่า เคยปรึกษาสมาคมที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาถึง 3 แห่ง และไม่มีเสียงคัดค้านแต่อย่างใด
"บุดดาบาร์" เริ่มเปิดสาขาแรกในกรุงปารีส แล้วขายแฟรนไชส์เปิดสาขาตามมหานครใหญ่ๆ ทั้งในลอนดอน นิวยอร์ก ดูไบ เซาเปาโล ไคโร
ก่อน งัดข้อกับชาวพุทธก็ปลุกกระแสไม่พอใจมาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากที่ตั้งร้าน นี้เป็น "อาคารโบราณ" ซึ่งในอดีตเคยเป็นสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
เดิมที ทางการจาการ์ตารับซื้อเพื่ออนุรักษ์ไว้เป็นมรดกของส่วนรวม กระทั่งปล่อยให้บุดดาบาร์เข้าดำเนินกิจการตั้งแต่ปลายปีก่อน ท่ามกลางข้อครหาเป็น "ธุรกิจมีเส้น" ไม่ต้องคอยสนใจว่าชาวบ้านร้านตลาดจะคิดอย่างไร!
http://sylc.forumakers.com/forum-f13/topic-t285.htm#295